“คริสตชนไม่มีแม่พระ ก็คือเด็กกำพร้า”
พระดำรัสสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน ปีที่แล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการภาวนาร่วมกับกลุ่มเยาวชนของสังฆมณฑลโรม หน้าถ้ำแม่พระเ มืองลูร์ด ในสวนวาติกัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เริ่มในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 ก่อนวันสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล และแม้จะเปลี่ยนสมณสมัยแล้ว พระสันตะปาปาฟรังซิส ก็ยังทรงให้ธรรมเนียมปฏิบัตินี้ดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม การภาวนาเริ่มขึ้นช้าไปเกือบ 15 นาที ทันทีที่มาถึง พระสันตะปาปาทรงกล่าวขอโทษทุกคนที่ต้องมานั่งรอพระองค์ พระสันตะปาปาตรัสขอโทษทุกคนว่า
“พ่อขอโทษจริงๆ ที่พ่อมาสาย พ่อยังอยากย้ำว่า การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในสังคม”
จากนั้น พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันกับทุกคนว่า “ทุกวันนี้ พ่อเศร้าใจมากเมื่อได้ยินคริสตชนบางคนพูดว่า พวกเขาไม่แสวงหาแม่พระ หรือไม่สวดขอพระเจ้าผ่านแม่พระ พ่อจึงอยากเล่าเรื่องหนึ่งซึ่งเกิดใน ค.ศ. 1970 พ่อได้พูดคุยกับคู่รักเยาวชนคู่หนึ่งที่เล่าให้พ่อฟังเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า พวกเขาพูดว่า “การอุทิศตนให้แม่พระอย่างนั้นหรือ เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว เรารู้จักพระเยซูเจ้าเป็นอย่างดี ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องพึ่งแม่พระ” วินาทีนั้นเอง พ่อคิดในใจทันทีว่า
โอ้… เด็กกำพร้าที่น่าสงสาร! เพราะคริสตชนที่ไม่มีแม่พระก็คือเด็กกำพร้า เช่นเดียวกัน คริสตชนที่ไม่มีพระศาสนจักรก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นกัน เพราะเราเป็นคริสตชนต้องการสตรี 2 ท่าน นั่นคือ แม่พระกับพระศาสนจักร
บททดสอบกระแสเรียกคริสตชนของเราว่ายังดีอยู่หรือไม่ ก็คือเราต้องถามตัวเองว่า ‘ความสัมพันธ์ของเรากับแม่พระเป็นอย่างไร’ และ ‘ความสัมพัน์ของเรากับพระศาสนจักรเป็นอย่างไร’
พ่อขอย้ำว่า สำหรับเราแต่ละคน พระเจ้าทรงประทานกระแสเรียกให้ เราต้องแสวงหากระแสเรียกที่พระเจ้ามอบหมายให้ และเดิมตามเสียงเรียกนี้ตลอดไป”