คนงานเหมืองในชิลี 33 คน รอดตายเพราะสายประคำ
ในช่วงสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในประเทศชิลี ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ และหลายคน ไม่ทราบว่าสายประคำมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ อันเหลือเชื่อนี้
ในเดือนสิงหาคม 2010 มีรายงานข่าวทั่วโลก เล่าเรื่องราวชะตากรรมของคนงานเหมือง 33 ราย ที่ติดอยู่ใต้พื้นดินลึก 2,300 ฟุต ในเหมืองแห่งหนึ่ง ของประเทศชิลี ในขณะที่รายงานข่าวประจำวัน ดำเนินต่อไป ทั้งโลกต่างเฝ้าดูสิ่งที่ดูเหมือนเป็น สถานการณ์ที่สิ้นหวังโดยสิ้นเชิง ความพยายามที่จะ ติตต่อกับคนงานเหมืองเหล่านั้นทุกวิถีทางล้มเหลว พวกเขาขาดแคลนเสบียงและกำลังจะตาย
แต่หลังจากผ่านไป 17 วัน มีเรื่องน่าทึ่งและ สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั้งโลก พวกเขา สามารถติดต่อกับคนงานเหมืองได้ วิศวกรสามารถ เจาะเพลาเล็กๆ ลงไปถึงบริเวณที่คนงานเหมือง ติดอยู่ใต้อย่างแม่นยำ ผ่านปล่องเล็กๆ นี้เองที่อาหาร น้ำ และเสบียงอื่นๆ สามารถถูกส่งลงไปยังคน ที่ติดอยู่ได้ แม้ว่าการช่วยเหลือยังไม่สิ้นสุด เพื่อที่จะ ช่วยชีวิตพวกเขา จำเป็นต้องเจาะเพลาที่ใหญ่กว่า มาก เพื่อให้สามารถนำพวกเขาขึ้นมาได้ทีละคน เรื่องนี้ต้องมีปาฏิหาริย์แน่ๆ
ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรม สมเด็จ พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงขอให้คนทั้งโลก สวดภาวนาเพื่อคนงานเหมือง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ แห่งความหวัง สมเด็จพระสันตะปาปาทรงอวยพร และเสกสายประคำทั้ง 33 สาย และทรงส่ง สายประคำเหล่านี้ไปให้คนงานเหมือง เพื่อพวกเขา พวกเขา จะได้สวดภาวนาและรู้ว่าพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ ทรงประทับอยู่กับพวกเขา สายประคำอันศักดิ์สิทธิ์ ถูกส่งลงมาให้กับคนงานเหมืองที่ติดอยู่ใต้ดิน และ พวกเขาก็เริ่มสวดภาวนาและคล้องคอไว้ แล้วอัศจรรย์ ก็เกิดขึ้น หลังจากติดอยู่นาน 69 วัน ชายทั้ง 33 คน รอดชีวิต และได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาจากเหมือง พวกเขาโผล่ออกมาจากส่วนลึกของโลกทีละคน และ เห็นแสงแดดอีกครั้ง ที่สำคัญคือวันที่ช่วยเหลือพวก เขาได้สำเร็จคือ วันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันครบรอบ อัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ที่ฟาติมา ณ ที่ซึ่งแม่พระ ทรงประจักษ์มา