ผลของการสวดสายประคำ
คุณพ่อชวลิต กิจเจริญ
แปลจาก Queen of all Hearts เดือนมีนาคม – เมษายน ค.ศ. 2006
ความศรัทธาต่อการสวดสายประคำ ดูจะเป็นเอกลักษณ์ของชาวคาทอลิก และดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เราจะเข้าหาพระมารดาของพระเจ้า ด้วยจิตตารมณ์แห่งความเชื่อ เป็นต้นในเวลาที่เราขัดสน บ่อยครั้งชาวคาทอลิกเมื่อจบมิสซาแล้ว ก็ยังสวดสายประคำต่อไป เพราะความศรัทธาที่ลึกซึ้งต่อการสวดสายประคำ ชาวคาทอลิกจำนวนมากยอมรับและมีประสบการณ์ส่วนตัวว่าพระมารดาได้ช่วยพวกเขาจริง ๆ นี่เป็นเรื่องราวของสตรีผู้หนึ่ง ที่เล่าประสบการณ์ของตน
ดิฉันได้กลับใจรับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิกในปี ค.ศ. 1958 แต่ไม่เคยมีความรู้สึกอยากสวดสายประคำ เพราะดิฉันเคยบอกแม่ทูนหัวว่า ดิฉันไม่จำเป็นต้องสวดสายประคำ เพราะสามารถสวดขอพระเยซูเจ้าโดยตรง ท่านเพียงแต่ยิ้ม ๆ เท่านั้น แต่ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น ดิฉันก็ซื้อสายประคำสายหนึ่ง และได้พยายามเรียนรู้บทสวด และข้อรำพึงรหัสธรรมทุกข้อ และภายในหนึ่งเดือน ดิฉันก็สวดสายประคำทุกวัน
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ดิฉันได้มีโอกาสเห็นและได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากการสวดสายประคำ ดิฉันไม่ทราบแน่ว่าเป็นอัศจรรย์จริงหรือเปล่า และดิฉันไม่เคยคิดจะตัดสินตามคำอธิบายด้านเทววิทยา สิ่งที่ทำได้คือเพียงแต่เล่าเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
อัศจรรย์ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1965 กับบุตรชายของดิฉัน อายุ 3 เดือน ชื่อแพทริก คืนหนึ่งเขาร้องไห้ไม่หยุด ทำให้ดิฉันรู้สึกกังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ดิฉันก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่เขาร้องไห้หรือเจ็บตรงไหน ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงหยิบสายประคำนำไปแขวนไว้บนเสาเตียงของเขา แพทริกหันมามองหน้าดิฉัน และเอื้อมมือมาจับสายประคำไว้แน่น แม้ดิฉันจะพยายามดึงออกมาจากมือน้อย ๆ ของเขา แต่ดิฉันก็ทำอะไรไม่ได้ เขากำสายประคำไว้ หยุดร้องไห้ และนอนหลับไปอย่างสงบ
วันรุ่งขึ้น ดิฉันได้เล่าเรื่องให้เพื่อนบ้านคาทอลิกฟัง แม้ว่าเธอเป็นคาทอลิกตั้งแต่เกิด และมีบทบาทในการช่วยเหลือพระศาสนจักร แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะดิฉันไม่สามารถอธิบายตามเหตุผลตามธรรมชาติได้
“อย่าเป็นคนงมงายไปหน่อยเลย” เธอกล่าวกับดิฉันหลังจากเล่าเรื่องจบ
“เหตุผลเดียวที่แพทริกจับสายประคำไว้ เพราะเขาชอบแกว่งมือไปมา เธอมีลูกตั้งสี่คนแล้ว น่าจะรู้ว่าเด็กทารกมักใช้มือจับทุกสิ่งที่อยู่ใกล้มือ ก็เท่านั้นเอง”
ดิฉันยังไม่ยอมจำนน และยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอัศจรรย์อย่างหนึ่ง จึงพยายามบอกกับเธออย่างท้าทายว่า
“แล้วทำไมฉันจึงไม่สามารถแกะสายประคำออกจากมือเขาล่ะ”
เธอตอบดิฉันไม่ได้
อีกสามคืนต่อมา แพทริกก็ทำตัวแบบเดิม คือเขาจะร้องไห้จนกว่าจะถือสายประคำไว้ในมือ และม่อยหลับไปในที่สุด ในคืนที่ห้า เมื่อดิฉันวางแพทริกลงบนเตียงนอนของเขา เขาไม่ได้ร้องไห้อีก เพียงแต่พลิกตัวไปมา และนอนหลับไปในที่สุด ดิฉันไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนบ้านคาทอลิกฟัง เพราะดิฉันเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า พระแม่มารีย์ได้ช่วยเหลือบุตรชายของดิฉันจริง ๆ
อัศจรรย์ของสายประคำอีกเรื่องเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ ซาราห์ เธอเป็นคนที่ศรัทธาต่อการสวดสายประคำมาก เธออาศัยอยู่กับสามีและลูกอีกสองคน บ้านของเธอเป็นบ้านชั้นเดียว อยู่ในเมืองเมมฟีส รัฐเทนเนสซี่ “ดิฉันอยู่บ้านกับทิมมี่และเจนนี่ ในระหว่างฤดูใบไม้ผลิในช่วงปี ค.ศ. 1902 อากาศร้อนมาก และเราไม่มีเครื่องปรับอากาศ ขณะที่ทิมมี่และเจนนี่เล่นอยู่ใกล้ประตูหน้าบ้าน ฉันนั่งอยู่บนเตียงนอนในห้อง กำลังซ่อมเสื้อผ้า และเหลือบสายตามองดูลูกทั้งสอง หลังจากซ่อมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ดิฉันก็พาลูกทั้งสองไปเดินเล่นที่สนามหญ้า”
แม่บ้านที่เป็นเพื่อนบ้านหลายคนวิ่งมาหาซาราห์ ทุกคนตะโกนร้องอย่างตกใจจนเธอต้องขอร้องให้ทุกคนทำใจให้สงบ ก่อนที่เธอจะรู้ว่าเพื่อนบ้านเหล่านี้ต้องการจะพูดอะไรกับเธอ
“เธอไม่ตกใจกลัวหรือ เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับเธอ” เพื่อนบ้านคนหนึ่งถามซาราห์
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือ” ซาราห์ตอบ
“เธอเห็นพายุทอร์นาโดไหม” เพื่อนบ้านคนนั้นถาม
“พายุทอร์นาโดที่ไหน”
“ประมาณครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่พวกเรายืนอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน พายุทอร์นาโดพัดลงมาที่สนาม ผ่านถนน และกำลังจะเคลื่อนมาหาเธอ เราตะโกนบอกลูกทั้งสองของเธอเพื่อบอกให้เธอทราบถึงภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ฉันเดาว่าพวกเขาคงไม่ได้ยิน พายุทอร์นาโดพัดเข้าบ้านเธอ เราเห็นพายุม้วนตัวขึ้น และพัดผ่านหลังคาบ้านเธอ”
ซาราห์ฟังอย่างตั้งใจและไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ตอนนั้นเธอนั่งทำงานอย่างสงบเงียบในห้องนอนของเธอ เย็นวันนั้น เธอฟังข่าวจากโทรทัศน์ว่าพายุทอร์นาโดได้ทำลายทุกอย่างที่หน้าบ้านของเธอ ต่อมาก็สงบลง และได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ทำลายทุกอย่างที่ขวางเส้นทางของมัน ทุกวันนี้ ซาราห์ยังสวดสายประคำเป็นประจำ และความตั้งใจแรกของการสวดคือการโมทนาคุณพระเป็นเจ้า
เรื่องอัศจรรย์ของการสวดสายประคำได้เกิดขึ้นกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งชื่อเอลิซาเบท ซึ่งมักจะเดินทางแสวงบุญไปทั่วทวีปยุโรป ในปี ค.ศ. 1980 วันหนึ่งขณะที่เธอนั่งอยู่ที่สถานีรถไฟที่กรุงโรม เพื่อเดินทางไปยังเมืองปาเลร์โม เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งกระโดดขึ้นรถไฟ ก่อนที่รถไฟจะหยุดที่สถานี
เธอรู้ทันทีว่าต้องมีคนโดยสารเต็ม และคงจะหาที่นั่งลำบาก ขณะที่เธอมองดูชายคนนั้นกระโดดขึ้นยืนบนบันไดรถไฟ และเดินหาที่นั่ง ทำให้เอลิซาเบทอยากจะทำตามบ้าง เธอจึงตัดสินใจวิ่งตามขบวนรถไฟที่ยังไม่จอดสนิท เธอเอื้อมมือจับและโหนตัวขึ้นบนบันได แต่เธอตกใจกลัวมาก เพราะเธอก้าวพลาด และกำลังตกลงไปใต้ล้อรถไฟ ผู้คนต่างร้องเสียงหลง มีผู้ชายหลายคนวิ่งมาฉุดเธอ แต่ช้าเกินไป เพราะรถไฟวิ่งห่างไปเรื่อย ๆ
ทันใดนั้น เอลิซาเบทรู้สึกว่ามีใครกำลังดันเธอให้ขึ้นไปยืนอยู่ที่ประตูอย่างปลอดภัย เธอพยายามมองหาคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ แต่มองไม่เห็นใคร รถไฟหยุด เอลิซาเบทเดินเข้าไปในรถไฟ และสวดสายประคำเป็นการโมทนาคุณพระเป็นเจ้า
ดิฉันสามารถเล่าเรื่องอัศจรรย์มากมายเกี่ยวกับการสวดสายประคำ และขอเล่าเรื่องนี้เป็นการปิดท้าย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับโยเซฟในปี ค.ศ. 1971 โยเซฟเป็นวัยรุ่นที่ชอบเล่นพนัน ขณะที่พ่อแม่ขอร้องให้เขาและน้อง ๆ สวดสายประคำพร้อมกันในครอบครัว เขารู้สึกลำบากใจที่ต้องสวดและรำพึงเรื่องรหัสธรรมต่าง ๆ เพราะเขาอยากทำอย่างอื่นแทน เช่น วาดภาพ ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่เขาชอบมาก
เช้าตรู่วันหนึ่งในฤดูร้อน โยเซฟได้ขนอุปกรณ์วาดเขียน เช่น ผ้า ดินสอ สี และค่อย ๆ เดินไปตามถนนใกล้บ้านเพื่อวาดภาพที่ถูกใจ เขาเดินมาถึงทางแยกและหย่อนตัวลงบนม้านั่งบริเวณป้ายหยุดรถประจำทาง เขาเริ่มวาดภาพคนและยวดยานที่วิ่งผ่านไปมา สักพักเขาลุกยืนขึ้น และเดินข้ามถนนไป โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมจึงทำอย่างนั้น เขายืนพิงเสาไฟฟ้า และเริ่มวาดภาพต่อไป
ขณะนั้นเอง มีรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งมาตามถนนด้วยความเร็วสูง และพุ่งเข้าชนยวดยานพาหนะหลายคันที่จอดอยู่ รวมทั้งม้านั่งตัวที่โยเซฟนั่งอยู่ก่อนหน้านั้น โยเซฟตกใจกลัวมาก มองดูความหายนะที่เกิดขึ้น และพูดกับตัวเองว่า ถ้าเขาไม่ได้เปลี่ยนที่วาดภาพ เขาคงจะตายอย่างแน่นอน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โยเซฟก็ไม่เคยบ่นเมื่อสวดสายประคำ
ดิฉันคงไม่กล้าพอที่จะยืนยันว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น พระแม่มารีย์เข้ามามีส่วน แต่ดิฉันจำคำสัญญาของแม่พระ 15 ข้อ ได้ ในข้อที่ 2 พระแม่มารีย์สัญญาว่า พระนางจะคุ้มครองผู้ที่สวดสายประคำด้วยความซื่อสัตย์
“แม่ขอสัญญาว่าจะให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษ และโปรดพระคุณที่ยิ่งใหญ่แก่ผู้ที่สวดสายประคำทุกคน”
ดิฉันเชื่อมั่นโดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลงว่า พระแม่ยึดมั่นในคำสัญญาเสมอ