ประสบการณ์แห่งศรัทธา กับพระมารดามารีย์
สตรีในชุดขาว :
คุณพ่อชานินาดผู้ก่อตั้งคณะ Marianistes ผู้ซึ่งอุทิศตนเป็นพิเศษต่อพระนางมารีย์ ท่านเกิดเมื่อปี ค.ศ. 1751 และสิ้นใจเมื่อปี 1850 ท่านและพี่ชายของท่านสองคนได้บวชเป็นพระสงฆ์ ท่านมีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อพระมารดา และพระราชินีสวรรค์ ได้ประทานพระหรรษทานมากมายแก่ท่าน ซึ่งหลายครั้งเป็นอัศจรรย์ที่แท้จริง
ในช่วงที่ยังอยู่บ้านเณร ทำได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ครั้งหนึ่ง ระหว่างเดินขึ้นเขา มีก้อนหินตกลงมาทับเท้าของท่านจนไม่สามารถเดินได้ ท่านได้อ้อนวอนต่อพระนางมารีย์ด้วยความไว้วางใจ โดยสัญญากับแม่พระว่า ถ้าพระแม่มารีย์รักษาท่านให้หาย ท่านจะไปขอบคุณแม่พระที่สักการสถาน ที่เวสเลย์และเมื่อเท้าของท่านหายดี ท่านก็ออกเดินทางทันที เป็นระยะทาง 80 กิโลเมตร
เมื่อท่านบวชเป็นพระสงฆ์เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ท่านเดินทางถึงเมืองบอร์โดว์ เพื่อช่วยครอบครัวคริสตชนที่หลบซ่อนตัวอยู่ ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจใด ๆ ได้ เพราะถูกเบียดเบียน ท่านจำเป็นต้องหลบซ่อนตัวเพื่อหลบหนีตำรวจ ท่านซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ ซึ่งสามารถถวายมิสซากับบรรดาสัตบุรุษ หลายครั้งท่านเกือบถูกตำรวจจับแต่ก็หลบหนีได้เสมอ
ครั้งหนึ่งตำรวจเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งแม่บ้านกำลังซักผ้า และคุณพ่อก็อยู่ที่นั่นด้วย แม่บ้านมีเพียงถังซักผ้าให้คุณพ่อซ่อนตัว เธอมีไหวพริบดีและเริ่มต้นพูดคุย โดยวางแก้วน้ำไว้บนถังที่คว่ำอยู่เธอเชื้อเชิญให้ตำรวจดื่มกับเธอด้วย และตำรวจก็จากไป อีกครั้งหนึ่ง ตำรวจเข้ามาทางสวน และคุณพ่อซึ่งกำลังพูดคุยกับสัตบุรุษอยู่ ทำให้ไม่มีเวลาหลบซ่อนตัว ตำรวจค้นทุกหนแห่งและเดินผ่านหน้าคุณพ่อไปหลายครั้ง แต่ไม่เห็นท่าน ทุกคนถามกันว่า ทำไมพวกตำรวจถึงไม่เห็นคุณพ่อ เด็ก 5 ขวบคนหนึ่งร้องขึ้นว่า “ง่ายนิดเดียว มีผู้หญิงใส่ชุดขาวคนหนึ่งยืนบังและซ่อนคุณพ่อไว้” เช่นนี้แหละที่พระมารดาทรงปกป้องคุณพ่อไว้เพื่อให้คุณพ่อได้ก่อตั้งคณะที่อุทิศตนแด่พระนางมารีย์ต่อไป
สายประคำในมัสยิด :
ไม่บ่อยนักที่จะมีการสวดสายประคำพร้อมกันในมัสยิด แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นที่มัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงเบรุต มีวัดเก่าแห่งหนึ่งที่พวกครูเสดสร้างขึ้น แล้วพวกมุสลิมยึดไว้เพื่อใช้เป็นมัสยิดหลักของเมือง ในปี 1962 มีซิสเตอร์คณะคาร์เมไลท์ชาวสเปนเดินทางมาเปิดอาราม ด้วยจุดประสงค์ที่จะสวดภาวนาเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักร ในช่วงแรกยังไม่มีอาราม ซิสเตอร์จึงถือโอกาสทำความรู้จักกับพิธีกรรมทางตะวันออก และเรียนรู้ภาษากรีกและอาหรับ
ค่ำวันหนึ่ง หลังจากร่วมพิธีที่อาสนวิหารกรีกแล้ว พวกซิสเตอร์เกิดความคิดที่จะผ่านไปเยี่ยมชมมัสยิดของเมือง บรรดามุสลิมกำลังภาวนาอยู่ และเป็นช่วงเวลาที่ประธานในพิธีเริ่มอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน เมื่อพวกมุสลิมเห็นผู้หญิงและโดยเฉพาะเป็นคริสตชนก็พากันขับไล่พวกเธอ ประธานเห็นเช่นนั้นจึงกล่าวให้ทุกคนสงบลงว่า “สตรีเหล่านี้เป็นนักบวช และพวกเธอภาวนาอยู่บ่อยครั้ง พวกท่านเห็นไหมว่า พวกเธอแต่งกายเหมือนมารีย์ มารดาของเยซู เราทราบว่าในคัมภีร์อัลกุรอานนั้นมีหลายตอนที่กล่าวยกย่องมารีย์ ข้าพเจ้าจะอ่านให้ท่านฟังสักหนึ่งตอน…”
สิ่งที่ประธานพูด ทำให้ที่ประชุมสงบลงได้ ประธานเชิญให้บรรดาซิสเตอร์เข้ามาใกล้ ๆ และเมื่อเขาอ่านบทอ่านในคัมภีร์อัลกุรอานจบ เขากล่าวแก่ซิสเตอร์ว่า “เรารู้ว่าพวกท่านภาวนาวอนขอพระมารดาของพระเยซู พวกท่านจะสวดบทภาวนานั้นให้เราฟังได้หรือไม่?” บรรดาซิสเตอร์จึงพากันหยิบสายประคำออกมา และเริ่มสวดภาวนา บรรดามุสลิมต่างพากันฟังจนจบ แน่นอนว่านี่เป็นการสวดบทวันทามารีย์ ครั้งแรกในมัสยิดที่เคยเป็นวัดคาทอลิกมาช้านาน หลังจากสวดจบแล้ว พวกเขาพาบรรดา ซิสเตอร์ออกไปด้วยความเคารพ และหลังจากนั้น บรรดาซิสเตอร์ต่างภาวนา เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกศาสนาต่อไป
รอยยิ้มที่งดงาม :
ท่านเคาท์แห่ครูโซ เล่าเรื่องการกลับใจของท่านว่า “เมื่อมีการพูดถึงการประจักษ์ของแม่พระที่เมืองลูร์ด ข้าพเจ้าไม่เชื่อและคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ข้าพเจ้าได้ยินว่าแบร์นาแด็ตเห็นรอยยิ้มของพระแม่มารีย์ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจที่จะไปพบเด็กเลี้ยงแกะคนนี้ที่ลูร์ด ข้าพเจ้าพบเธออยู่ในบ้านกำลังปะชุนถุงเท้าอยู่ หลังจากทักทายกัน ข้าพเจ้าบอกกับเธอว่าข้าพเจ้าไม่เชื่อเรื่องที่แม่พระประจักษ์มา
“ถ้าเช่นนั้น คุณก็คิดว่าหนูพูดโกหก” แบร์นาแด็ตกล่าว เธอพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพจนข้าพเจ้ารู้สึกอายขึ้นมาทันที ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “วันที่พระแม่มารีย์ยิ้มให้เธอนั้น ถ้าเป็นจริง ให้หนูยิ้มให้ฉันเหมือนที่แม่พระยิ้มได้ไหม” แบร์นาแด็ตตอบว่า “จริง ๆ แล้ว ต้องเป็นผู้ที่มาจากสวรรค์จึงจะยิ้มแบบนั้นได้ค่ะ” ข้าพเจ้ากล่าวย้ำอีกว่า “ฉันไม่เชื่อ และฉันจะดีใจมาก ถ้าได้เห็นรอยยิ้มของพระแม่มารีย์” ดังนั้น แบร์นาแด็ตจึงค่อย ๆ ลุกขึ้น พนมมือ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเหมือนที่เธอทำที่ถ้ำ
จากนั้นรอยยิ้มอันงดงามก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ ราวกับสะท้อนรอยยิ้มของพระแม่มารีย์ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นรอยยิ้มงดงามเช่นนี้มาก่อน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจมาก ความไม่เชื่อของข้าพเจ้าหายไปทันที สิ่งนี้เป็นอัศจรรย์ของแบร์นาแด็ตมากกว่าของพระแม่มารีย์ ในพริบตาเดียว คนบาปอย่างข้าพเจ้าก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ข้าพเจ้ายังคงจำได้ถึงรอยยิ้มที่มาจากสวรรค์ เป็นความทรงจำตลอดชีวิต
สายประคำของบราเดอร์อันเซลม์ :
วันหนึ่ง มีเด็กคนหนึ่งร้องเพลงแม่พระในอาสนวิหารของกรุงเวียนนา เด็กคนนี้ร้องด้วยเสียงที่ไพเราะและบริสุทธิ์มาก จนนักบวชท่านหนึ่งที่อยู่ในวัดรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาไหล เขากล่าวแก่เด็กคนนั้นว่า “ลูกเอ๋ย รับสายประคำเส้นนี้ไว้ และเก็บไว้เป็นที่ระลึก ให้หนูสวดสายประคำบ่อย ๆ และหนูจะยิ่งใหญ่ในผู้คนทั้งหลาย” เด็กคนนี้รักษาคำพูดนี้ไว้ตลอดชีวิต
และเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เขาคือ Christoph Willibald Gluck ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นอาจารย์ของพระนางมารี อังตัวแนต เป็นนักแต่งเพลงที่มีเพลงที่มีชื่อเสียงทั่วยุโรป บ่อยครั้ง ในท่ามกลางผู้คนที่มีชื่อเสียงและตามงานเลี้ยงฉลองต่าง ๆ เขาจะแยกตัวออกไปตามลำพัง และสวดสายประคำของบราเดอร์อันเซลม์ และที่สุดเขาสิ้นใจโดยถือสายประคำนั้นไว้ในมือ