จำฉันได้หรือเปล่า?
ก่อนอื่น ขอถามสักหนึ่งคำถามว่า รักพระเจ้าไหม ? รักแล้ว ควรจะทำอย่างไรต่อไปดี จะรักแต่พระเจ้าแล้วลืมผู้คนที่อยู่รอบข้างเรา คนที่เราพบปะเจอะเจอในแต่ละวัน แบบนี้เรียกว่ารักพระหรือเปล่า ถ้าเรารักแต่พระเจ้า แต่ลืมเพื่อนมนุษย์ บางทีอาจจะมีคนที่ชอบร้องเพลงให้เราฟังว่า “ยังจำฉันได้หรือเปล่า?”
ใครจะรู้ว่า บางทีคนที่เราไล่ตะเพิดไปในวันนี้ เขาอาจจะเป็นพระเจ้าปลอมตัวมา เหมือนขอทานชราที่มาขอเสื้อคลุมจากนักบุญมาร์ตินก็ได้ เราจำพระเยซูเจ้าได้ในผู้ที่สวมเสื้อหล่อเป็นพระสงฆ์ จำได้ในผู้ที่สวมเครื่องแบบเป็นนักบวชชาย – หญิง แต่ผู้ที่เป็นเศษสังคม เขาเป็นพระเยซูเจ้าหรือเปล่า ทำไมพระองค์ถึงโสโครก ไร้การศึกษา ไร้ที่พักอาศัย ไร้ญาติขาดมิตรได้เพียงนี้
เราเคยคิดบ้างไหมว่า การที่เรามีสังคมเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ครอบครัว มีไว้เพื่ออะไร มีไว้เพื่อทะเลากัน ไว้คอยอิจฉากัน แข่งกัน แย่งสมบัติกัน คอยให้เป็นภาระหนักใจ แล้วเรามีคนจนอยู่ในสังคมเพื่ออะไร เพื่อคอยมาขอเงินบริจาคจากเรา ทำให้เราเสียไม่ได้ที่จะต้องให้ทาน เพราะกลัวคนอื่นเขาจะว่าใจดำหรือเปล่า คิดให้ดี
เราพบว่า การที่เรายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ยังมีเวลา ยังตื่นขึ้นมาพบวันใหม่อีกวันหนึ่ง ก็เพื่อจะได้แสดง ความรัก ความเมตตา ให้สิ่งที่ดีแด่คนที่เราต้องเกี่ยวพัน กับเขาในแต่ละวัน ไม่เกี่ยงว่าจะทำได้มาก ได้น้อย แต่อยู่ที่ว่า เราได้กระทำสิ่งดี ๆ เหล่านี้ด้วยความรัก หรือ ความจำใจ แม้สิ่งเล็กน้อยที่สุด แต่ได้กระทำจากดวงใจ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก สิ่งเล็กน้อยเหล่านั้น ก็ไม่เล็กน้อยเลยในสายพระเนตรของพระเจ้า
ความจริง พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยพระองค์เองก็ได้ ไม่เห็นจะต้องมาง้อให้เราทำนั่น ทำนี่ให้คนนั้น คนนี้เลย แต่ที่พระองค์ประทานโอกาสให้แก่เราได้ร่วมมีส่วนในความยากลำบากในชีวิต มีส่วนในความยากลำบากในชีวิต มีส่วนในพระมหาทรมานของพระองค์ ก็เพื่อผลประโยชน์ฝ่ายวิญญาณของเราเอง “เข้ามาพึ่งมหาทรมานและกางเขนของพระองค์ เพื่อจะได้กลับเป็นขึ้นมาอย่างรุ่งเรือง เดชะพระคริสตเจ้า” ของบทภาวนา เราก็คงจะได้ข้อคิดอะไรบ้างจากสิ่งที่เราภาวนานี้
แต่มนุษย์มักจะชอบทำตัวน่าเบื่อหน่าย คือพอทำอะไรดีได้ ก็ทึกทักเอาว่านี่เป็นผลงานของฉัน ลืมพระเจ้า ลืมว่าใครที่ให้โอกาส แก่เราในการทำความดี ใครประทานความสำเร็จให้ พอเราทำได้เรากลับขี้โกงพระเจ้าหน้าตาเฉย มาแย่งเอาหน้าไปหมด แทนที่จะกระทำสิ่งที่ดีต่าง ๆ เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า กลับทำเพื่อให้คนชมตนเอง เริ่มต้นจากเจตนาที่ดี แต่พอถึงช่วงปลาย กลับกลายเป็นเพื่อตนเองไม่ใช่เพื่อพระ บางคนเป็นอย่างนี้แล้วยังไม่รู้ตัวเอง เมื่อเริ่มทำความดีบอกว่า ทำ “เพื่อพระ” แต่ในใจจริง ๆ นั้นถูกบังคับให้ทำ เพราะถ้าทำเพื่อพระ คงจะไม่มีใครที่ทำด้วยความจำใจ คนที่รักพระเจ้าจริง เขาจะไม่มีใครที่ทำด้วยความจำใจ คนที่รักพระเจ้าจริง เขาจะไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เมื่อพระองค์จะให้เขาทำนั่นที่นี่เพิ่มเติม แต่คนที่จำใจทำเพื่อพระ เราจะสังเกตได้ว่า เขาจะทำด้วยความเบื่อหน่าย จำใจ ฝืน และอยากจะโยนภาระนี้ไปให้คนอื่นเร็ว ๆ แต่พอคนอื่นไม่รับ เขาก็จะโกรธ ขออย่าให้เราเป็นคนประเภทที่เห็นพระองค์ แต่จำพระองค์ไม่ได้ หรือเมื่อจำพระองค์ได้ ได้ช่วยเหลือพระองค์แล้ว ก็ขออย่าให้เรากลายเป็นคนดีแตก ลืมตัว…