คนที่มีเมตตาย่อมไม่กลัวความตาย

เป็นเวลากว่าพันปี ที่อารยธรรมโรมันเป็นศูนย์กลาง และเป็นเมืองหลวงของยุโรป ประวัติศาสตร์และผลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น สะท้อนอยู่ในทุก ๆ สิ่งตั้งแต่มหาวิหาร ไปจนถึงหลุมฝังศพ

ลอร่า โดนาโต อาจารย์ชาวโรม และนักโบราณคดีได้กล่าวว่า “กรุงโรมในมุมมองของประวัติศาสตร์ศิลปะ ที่หาได้ยากจากที่อื่น เป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะต้องชี้ให้เห็นว่า การเรียนประวัติศาสตร์นั้นสำคัญ ฉันพยายามแสดงให้เห็นว่า ประวัติศาสตร์ศิลปะ หรือประวัติศาสตร์ทั่วไป หรือนักโบราณคดีเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้จินตนาการถึงสิ่งที่แตกต่างในอนาคต”

ศิลปะและขนบธรรมเนียมโบราณ มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ในสุสานใต้มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เมื่อมองไปที่สุสาน และหลุมศพของทั้งชนต่างศาสนา และชาวคริสต์ เห็นได้ชัดเจนว่า คริสตชนมีมุมมองที่แตกต่าง และมีความหวังมาก เมื่อดูที่การตกแต่งของคริสตชนในยุคแรก บนโลงศพ บนผนังภายในห้องเล็ก ๆ ที่ขุดหลุมฝังศพ หรือสุสานของชาวคริสต์ จะเห็นได้ว่า ได้รับแรงบันดาลใจ จากความคิดเรื่องความสุข ในชีวิตหลังความตายเช่น เรื่องผู้เลี้ยงที่ดี เรื่องโยนาห์ หรือการฟื้นคืนชีพของลาซารัส รวมทั้งสิ่งตกแต่งต่าง ๆ มากมาย ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากแนวคิดเรื่องชีวิตหลังความตายนี้

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ตรัสถึงแนวคิดนี้ว่า ความกลัวอาจทำให้ผู้คนไม่สามารถทำอะไรได้เลย หากพวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในความเชื่อของคริสตชน เกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพ พระองค์ทรงตรัสว่า

“ในหมู่พวกเราโดยทั่วไป การมองความตายแบบผิด ๆ ส่งผลกระทบต่อพวกเราทุกคน และตั้งคำถามกับเราอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความตายเข้ามาใกล้ หรือเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ คนที่มีชีวิตอยู่ในความเมตตา ย่อมไม่กลัวความตาย”

ความเชื่อในชีวิตหลังความตาย ปรากฏชัดผ่านงานศิลปะในกรุงโรม ลอร่า โดนาโต กล่าวว่า “ที่กรุงโรม คุณสามารถสัมผัสความต่อเนื่องที่สำคัญนี้ ได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กรุงโรมได้ชื่อว่า นครนิรันดร์ ไม่ใช่เพราะเรายังคงอยู่อาศัยในเมืองเดียวกันกับเมืองในอดีตได้ แต่เป็นเพราะวัฒนธรรมอันงดงามที่เกิดขึ้น ในกรีซ และกลายเป็นยุคโรมัน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมระดับโลกที่รู้จักกันอย่างมากในเวลานั้น และคริสต์ศาสนา ได้ช่วยรักษาวัฒนธรรมนี้ไว้ เพื่อใช้วัฒนธรรมนี้ เป็นเครื่องมือสื่อสารถึงความแข็งแกร่งของพระวรสาร”